ผักเคล (Kale) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

4

ผักเคล (Kale) คือผักใบเขียวเข้มในตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี บรอกโคลี และกะหล่ำดอก ลักษณะใบหยิกหรือเรียบ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ นิยมปลูกในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันมีปลูกในไทยมากขึ้น เพราะเป็นพืชทนโรค โตเร็ว และให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก

ประโยชน์ของผักเคล

1. อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

ผักเคล มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะ

  • วิตามิน A (ในรูปเบต้าแคโรทีน)
    → บำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวให้แข็งแรง

  • วิตามิน C
    → เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยให้แผลหายเร็ว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวตึงกระชับ

  • วิตามิน K
    → ช่วยให้เลือดแข็งตัวปกติ เสริมความแข็งแรงของกระดูก

  • แคลเซียม
    → สำคัญต่อกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันกระดูกพรุน

  • แมกนีเซียมและโพแทสเซียม
    → ช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หัวใจ และความดันโลหิต

2. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ผักเคลอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น

  • ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)
    → ปกป้องดวงตาจากแสงแดดและลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

  • เควอซิทิน (Quercetin) และ เคมเฟอรอล (Kaempferol)
    → สารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ชะลอวัย และอาจลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งหรือเบาหวาน

3. ช่วยในการล้างพิษ (ดีท็อกซ์)

  • ในผักเคลมี กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates)
    → เป็นสารประกอบที่เมื่อผ่านการย่อยจะช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ
    → ส่งเสริมการขจัดของเสีย สารพิษ และสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย

4. ควบคุมคอเลสเตอรอล

  • ผักเคลมีใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ (soluble fiber)
    → ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลส่วนเกินก่อนถูกดูดซึม
    → ส่งผลให้ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

5. ดีต่อระบบย่อยอาหาร

  • ไฟเบอร์ในผักเคลช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

  • ลดอาการท้องผูก ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้

  • ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม

6. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

  • แคลอรีต่ำ แต่มีปริมาณไฟเบอร์สูง
    → ทำให้อิ่มนาน กินแล้วไม่รู้สึกหิวบ่อย
    → เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักหรือต้องการคุมน้ำหนักโดยไม่ขาดสารอาหาร

วิธีรับประทานผักเคลให้อร่อยและได้ประโยชน์เต็มที่

  1. สมูทตี้ผักเคล
    – ปั่นรวมกับกล้วย แอปเปิ้ล น้ำมะนาว จะช่วยกลบรสขม

  2. ผักเคลอบกรอบ (Kale chips)
    – โรยเกลือนิดหน่อย อบในเตาจนกรอบ เป็นของว่างเฮลท์ตี้สุด ๆ

  3. สลัดผักเคล
    – คลุกกับน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูหมัก เพื่อให้ใบผักนุ่มลง

  4. ผัดหรือใส่ในซุป
    – ผัดกับกระเทียมหรือน้ำมันงา หรือใส่ในซุปแทนผักใบเขียวอื่น ๆ

ข้อควรระวัง

  • ผักเคลมีวิตามิน K สูงมาก ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น warfarin) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเป็นประจำ

  • หากกินดิบมากเกินไป อาจส่งผลกับต่อมไทรอยด์ได้ ควรสลับกับการกินแบบปรุงสุก