ผักเคล (Kale) คือผักใบเขียวเข้มในตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี บรอกโคลี และกะหล่ำดอก ลักษณะใบหยิกหรือเรียบ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ นิยมปลูกในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันมีปลูกในไทยมากขึ้น เพราะเป็นพืชทนโรค โตเร็ว และให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก
ประโยชน์ของผักเคล
1. อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
ผักเคล มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะ
-
วิตามิน A (ในรูปเบต้าแคโรทีน)
→ บำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวให้แข็งแรง -
วิตามิน C
→ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยให้แผลหายเร็ว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวตึงกระชับ -
วิตามิน K
→ ช่วยให้เลือดแข็งตัวปกติ เสริมความแข็งแรงของกระดูก -
แคลเซียม
→ สำคัญต่อกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันกระดูกพรุน -
แมกนีเซียมและโพแทสเซียม
→ ช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หัวใจ และความดันโลหิต
2. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักเคลอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น
-
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)
→ ปกป้องดวงตาจากแสงแดดและลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม -
เควอซิทิน (Quercetin) และ เคมเฟอรอล (Kaempferol)
→ สารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ชะลอวัย และอาจลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งหรือเบาหวาน
3. ช่วยในการล้างพิษ (ดีท็อกซ์)
- ในผักเคลมี กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates)
→ เป็นสารประกอบที่เมื่อผ่านการย่อยจะช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ
→ ส่งเสริมการขจัดของเสีย สารพิษ และสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย
4. ควบคุมคอเลสเตอรอล
-
ผักเคลมีใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ (soluble fiber)
→ ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลส่วนเกินก่อนถูกดูดซึม
→ ส่งผลให้ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
5. ดีต่อระบบย่อยอาหาร
-
ไฟเบอร์ในผักเคลช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ
-
ลดอาการท้องผูก ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้
-
ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม
6. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
-
แคลอรีต่ำ แต่มีปริมาณไฟเบอร์สูง
→ ทำให้อิ่มนาน กินแล้วไม่รู้สึกหิวบ่อย
→ เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักหรือต้องการคุมน้ำหนักโดยไม่ขาดสารอาหาร
วิธีรับประทานผักเคลให้อร่อยและได้ประโยชน์เต็มที่
-
สมูทตี้ผักเคล
– ปั่นรวมกับกล้วย แอปเปิ้ล น้ำมะนาว จะช่วยกลบรสขม -
ผักเคลอบกรอบ (Kale chips)
– โรยเกลือนิดหน่อย อบในเตาจนกรอบ เป็นของว่างเฮลท์ตี้สุด ๆ -
สลัดผักเคล
– คลุกกับน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูหมัก เพื่อให้ใบผักนุ่มลง -
ผัดหรือใส่ในซุป
– ผัดกับกระเทียมหรือน้ำมันงา หรือใส่ในซุปแทนผักใบเขียวอื่น ๆ
ข้อควรระวัง
-
ผักเคลมีวิตามิน K สูงมาก ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น warfarin) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเป็นประจำ
-
หากกินดิบมากเกินไป อาจส่งผลกับต่อมไทรอยด์ได้ ควรสลับกับการกินแบบปรุงสุก